ประวัติความเป็นมา
อำเภอบึงสามพัน เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดเพชรบูรณ์ถือว่าเป็นเมืองที่มีการพัฒนาอย่างรวด เร็ว เนื่องจากเป็นเมืองที่มีถนนตัดระหว่างทางหลวงสระบุรี-หล่มสัก และ นครสวรรค์-ชัยภูมิ อีกทั้งเป็นเมืองทางผ่านไปสู่ตัวจังหวัด จึงทำให้สะดวกทั้งการค้าขายและการเดินทาง บึงสามพันเป็นอำเภอที่มีวิวและทิวทัศน์ที่สวยงามอีกอำเภอหนึ่งของจังหวัด เพชรบูรณ์
อำเภอ บึงสามพัน มีประวัติความเป็นมาอันยาวนานที่น่าสนใจ ตามที่ได้มีการบอกเล่าสืบต่อเป็นตำนานดังต่อไปนี้ โดยก่อนที่จะเรียกเป็นชื่ออำเภอบึงสามพันคนทั่วไปรู้จักบริเวณที่ตั้งของ อำเภอในชื่อของ " ซับสมอทอด " ซึ่งไม่ปรากฎหลักฐานแน่ชัดว่ามีการเรียกขานชื่อซับสมอทอดมานานเพียงใด เพราะบริเวณดังกล่าวนี้ยังไม่มีชุมชนมาตั้งอยู่แต่ก่อน ด้วยเป็นสภาพของป่าดงดิบ มีความอุดมสมบูรณ์ และรกชัฏเป็นอย่างยิ่งประกอบไปด้วยแมกไม้นานาพันธุ์ และเต็มไปด้วยสัตว์ป่าน้อยใหญ่มากมายหลายชนิด เช่น ช้าง เสือ กระทิง เก้ง กวาง เป็นต้น ซึ่งเป็นห้วงระยะเวลาก่อนปีพุทธศักราช 2484 โดยการเดินทางสัญจรไปมาในขณะนั้นลำบากเป็นอย่างมาก เพราะยังไม่มีถนนเป็นเพียงเส้นทางที่ลัดเลาะผ่านบริเวณป่าผ่านจากทางเหนือไป ทางใต้เท่านั้น ซึ่งปกติจะเป็นเส้นทางค้าขายของพ่อค้าโคกระบือในอดีตด้วยคือเป็นเส้นทาง สัญจรไปมาเป็นครั้งคราว อาทิเช่น นายกา ราษฎรจากภาคอีสานคือจังหวัดอุบลราชธานี เป็นพ่อค้าโคกระบือเรียกตามภาษาอีสานว่า " พ่อฮ้อยกา " ได้นำโคกระบือต้อนมาตามแนว ถนนคชเสนีย์ ( คือถนนสายสระบุรี-หล่มสัก ในปัจจุบัน ซึ่งถนนคชเสนีย์เพิ่งจะมาสร้างในช่วงระยะเวลาประมาณปีพุทธศักราช 2484 - 2489 หรือในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ) เป็นเวลาอยู่หลายปี เพื่อนำมาขายให้กับชาวจังหวัดเพชรบูรณ์ และชาวจังหวัดนครสวรรค์ บางครั้งยังนำไปขายถึงจังหวัดพิจิตร และพิษณุโลกอีกด้วย จนกระทั่งปีพุทธศักราช 2494 นายกา นายทอง และครอบครัว รวม 4 ครัวเรือนได้พาครอบครัวมาตั้งรกรากเป็นกลุ่มแรกโดยมาตั้งอยู่บริเวณซึ่ง เรียกว่าบ้านซับเกษตร ตำบลบึงสามพันในปัจจุบัน เพราะเห็นว่าเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบูรณ์มาก มีดินดี และมีน้ำท่าบริบูรณ์ เหมาะสำหรับทำการเกษตรเป็นอย่างยิ่ง หรือเรียกได้ว่ามี " ดินดำ น้ำชุ่ม " นั่นเอง ส่วนสาเหตุที่ได้ชื่อว่า " ซับสมอทอด " เพราะว่ามีต้นสมอใหญ่มากอยู่ต้นหนึ่งขึ้นอยู่ที่ริมคลองซับสมอทอดพร้อมกับ เอนลงไปในคลอง ดูโดดเด่นกว่าต้นไม้อื่น ซึ่งคลองนี้จะไหลจากทิศตะวันตกไปลงสู่บึงสามพัน สมัยนั้นคลองมีความลึก มีน้ำใสสะอาด และมีต้นไม้ขึ้นอยู่ริมคลองอย่างหนาแน่น จนกระทั่งปีพุทธศักราช 2513 ต้นสมอต้นดังกล่าวได้ถูกน้ำเซาะและได้ล้มลง จึงเป็นตำนานของคำว่า " ซับสมอทอด " ซึ่งแปลเป็นภาษาอย่างง่ายว่า " แหล่งน้ำซึ่งมีต้นสมอยืนต้นอยู่หรือทอดเอนอยู่ " ปัจจุบันคลองซับสมอทอดได้ตื้นเขินขึ้นมาก ส่วนคำว่า " บึงสามพัน " เป็นชื่อเรียกบึงแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ห่างไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของที่ตั้ง ที่ว่าการอำเภอบึงสามพัน ประมาณ 3 กิโลเมตร โดยบึงสามพันมีขนาดความกว้างประมาณ 150 เมตร และมีความยามประมาณ 3 กิโลเมตร และมีลักษณะทอดตัวจากทางทิศเหนือไปยังทิศใต้ บึงสามพันเมื่อก่อนนั้น (ก่อนปี พ.ศ. 2500) อุดมไปด้วยสัตว์น้ำนานาชนิด โดยเฉพาะมีจระเข้ชุกชุมมาก ประมาณกันว่าไม่ต่ำกว่า 3,000 ตัว ปัจจุบันยังมีหลักฐานยืนยันได้จากระดูกจระเข้จำนวนมากอยู่ที่วิหารวัดบึงสาม พันล่าง บ้านบึงสามพันล่าง หมู่ที่ 5 ต.บึงสามพัน และบุคคลเก่าแก่ที่อ้างอิงได้ คือ นายเย้า เจริญสุข อายุ 90 ปีได้เสียชีวิตแล้วเมือปีพุทธศักราช 2544 โดยนายเย้าเคยมีอาชีพจับจระเข้ที่บึงสามพันเพื่อเอาหนังไปขายตั้งแต่ปีพุทธ ศักราช 2493 โดยขายได้นิ้วละ 12 บาท วัดจากด้านทางกว้างของตัวจระเข้ นายเย้า เจริญสุข เคยเป็นบุคคลสำคัญของฟาร์มจระเข้จังหวัดสมุทรปราการ ในการแสดงการจับจระเข้ให้ผู้ชมที่มาชมจระเข้ในฟาร์มแห่งนี้ทุกวัน โดยบุคคลทุกคนในฟาร์มจระเข้ เรียกว่าอาจารย์เพราะมีความเชี่ยวชาญมาก โดยนายเย้า ยังเคยถูกเชิญมาออกรายการทีวีของคุณไตรภพ ลิมปะภัทร ในรายการทไวไลโชว์ของสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 มาแล้วโดย นายเย้า เคยเล่าประสบการณ์ชีวิตให้ฟังว่า เมื่อเด็กแกจะเป็นคนเกเรไม่ยอมช่วยพ่อแม่ทำนา ไม่ทำการงานเร่ร่อนไปอยู่ในที่ต่าง ๆ จนย่างเข้าวัยหนุ่ม วันหนึ่งไปพบพระธุดงค์รูปหนึ่งเข้า พระธุดงค์ถูกอัธยาศัยและเมตตาให้ประสิทธิประสาทวิชาให้ คือ วิชาปราบจระเข้ วิชาจับสัตว์ดุร้าย พร้อมให้มีดหมอติดตัวมาเล่มหนึ่ง ดังนั้นต่อมาแกจึงได้มีอาชีพล่าจระเข้ทุกท้องที่ที่มีจระเข้ มาอีกหลายสิบปี ก่อนผันชีวิตตนเองในบั้นปลายมีอาชีพประจำอยู่ที่ฟาร์มจระเข้จังหวัด สมุทรปราการจนตลอดชีวิต โดยลุงเย้า ได้เคยฟังเสียงเล่าลือเป็นครั้งแรกมาก่อน เมื่อปีพุทธศักราช 2493 ว่า ณ บึงสามพันแห่งนี้ มีจระเข้กว่า 3,000 ตัว โดยได้เดินทางมาทางเรือตามแม่น้ำป่าสักผ่านจังหวัดอ่างทอง ลพบุรี อำเภอชัยบาดาล อำเภอวิเชียรบุรี จนเข้าเขตอำเภอบึงสามพัน สามารถจับจระเข้ได้เป็นจำนวนมาก ประมาณว่าจระเข้ในบึงมีมากกว่า 3000 ตัวอีก สมกับคำล่ำลือกันว่าบึงสามพัน โดยถูกเรียกชื่อว่าเป็นบึงสามพันมานานแล้ว จนกระทั่งถูกนำใช้มาเป็นชื่อของอำเภอบึงสามพันในปัจจุบัน
การคมนาคมในอำเภอบึงสามพัน ในสมัยที่ยังขึ้นอยู่กับอำเภอวิเชียรบุรี (ต่อมาอำเภอหนองไผ่แยกออกจากอำเภอวิเชียรบุรี ขณะนั้นอำเภอบึงสามพันจึงขึ้นอยู่กับตำบลบ้านโภชน์อำเภอหนองไผ่ ตามมาด้วย) นั้น ทุรกันดารเป็นอย่างยิ่ง ถนนสายหลักคือถนนคชเสนีย์(คือถนนสายสระบุรี-หล่มสักในปัจจุบัน) ได้เริ่มดำเนินการสร้างในสมัยสงครามโลก ครั้งที่ 2 (ระหว่าง พ.ศ. 2484-2489) จอมพล ป. พิบูลสงคราม ตามแนวนโยบายที่จะย้ายเมืองหลวง จากกรุงเทพมหานคร มายังจังหวัดเพชรบูรณ์ เนื่องจากมีสภาพทางภูมิศาสตร์ มีภูเขาล้อมรอบอยู่ถึงสามด้าน เว้นแต่ด้านทิศใต้เท่านั้นยากแก่การบุกรุกของข้าศึก " เหมาะสมกับการก่อสร้างเมืองหลวงแห่งใหม่ขึ้นในชื่อว่านครบาลเพชรบูรณ์ " ซึ่งในขณะนั้นประเทศไทยจำยอมให้ ประเทศญี่ปุ่นเดินทัพผ่านประเทศไทยได้ โดยได้เกณฑ์แรงงานราษฎรมาจากจังหวัดต่างๆในภาคกลาง ภาคเหนือ และภาคอีสานเป็นจำนวนมาก ประมาณ 5000 คน สมัยนั้นผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมาก อันเกิดจากการได้รับเชื้อไข้ป่า (ไข้มาลาเรีย) หรือไม่ก็ตกเป็นอาหารของเสือและสัตว์ร้าย คนโบราณกล่าวว่า เมืองเพชรบูรณ์เป็นเมืองเนรเทศข้าราชการ ข้าราชการคนใดโกงบ้านโกงเมืองหรือทำผิดวินัยราชการ จะถูกเนรเทศมาอยู่จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งมักจะเสียชีวิตด้วยไข้ป่า จนมีคำอุปมามาแต่ครั้งโบราณว่า " หากผู้ใดจะมาเมืองเพชรบูรณ์ให้เตรียมหม้อดินมาด้วย คนละ 1 หม้อ เพื่อเตรียมใส่กระดูกของตนเองกลับไปด้วย " ซึ่งถนนสายนี้ถือเป็นสายเอกของอำเภอบึงสามพัน ก่อนที่จะมีถนนสายวังพิกุล และสายจังหวัดนครสวรรค์เชื่อมกับจังหวัดชัยภูมิในเวลาต่อมา
กลุ่มราษฎรที่เข้ามาอาศัยอยู่รุ่นแรก เริ่มตั่งแต่ครอบครัวนายกา ตั่งแต่ปีพุทธศักราช 2494 เป็นต้นมา เริ่มมีราษฎรจากต่างจังหวัดข้างเคียงอพยพมามากขึ้นได้แก่ จังหวัดนครสวรรค์ พิจิตร ลพบุรี สระบุรี ชัยภูมิ เป็นต้น ซึ่งพื้นที่ซับสมอทอดมีความอุดมสมบูรณ์ด้วยป่าไม้นานาพันธุ์และชุกชุมด้วย สัตว์ป่าและสัตว์น้ำ จึงเป็นพื้นที่บุกเบิก และหักล้างถางพงของราษฎรต่างพื้นที่ บางส่วนมักมีคดีติดตัวมา ต่างขนบธรรมเนียมประเพณี ต่างถือดีทำให้เกิดการแย่งที่ทำมาหากินและแย่งกันเป็นใหญ่ในหมู่บ้านจึง ตัดสินและลงเอยด้วยการฆ่ากันเป็นประจำ ประมาณเดือนละ 4 ศพ ดังมีคำกล่าวมาแต่ก่อนว่า " อยากรวยให้ไปอยู่ที่ลำนารายณ์ อยากตายให้ไปอยู่ที่ซับสมอทอด "
สิ่งศักดิ์สิทธ์ที่เคารพนับถือของชาวอำเภอบึงสามพัน ซึ่งมีประวัติความเป็นมาน่าสนใจคือ พระพุทธรูป " หลวงพ่อบึงสามพัน " โดยมีเรื่องเล่าต่อๆกันมาว่า วันหนึ่งราษฎรบ้านโภชน์กลุ่มหนึ่งมียายมอญรวมอยู่ด้วยได้พากันมาหาปลาที่บึง สามพัน(ซึ่งในขณะนั้นมีปลาชุกชุมมาก) โดยวิธีการยกยอ โดยยายมอญยกยอทั้งวันจนเหน็ดเหนื่อยไม่ได้ปลาแม้แต่ตัวเดียวจึงเกิดความ ท้อแท้ใจมองดูดวงอาทิตย์ก็บ่ายคล้อยลงทุกที ทันใดนั้นก็เกิดเหตุอัศจรรย์ขึ้น เพราะยอของยายมอญเกิดไปเกี่ยวกับวัตถุอะไรบางอย่างไม่ทราบได้และไม่สามารถยก ยอขึ้นได้จึงให้เพื่อนบ้านหลายคนช่วยกันยกยอแต่ยกยออย่างไรก็ไม่ขึ้นเป็น เวลาหลายครั้ง ซึ่งช่วงแรกไม่มีใครกล้าดำน้ำลงไปดูใต้น้ำเพราะขณะนั้นจระเข้ชุกชุมมาก แต่ในที่สุดเพื่อนบ้านเห็นว่าไม่มีทางดึงขึ้นได้แน่จึงเสี่ยงดำน้ำลงไปดูให้ แน่ใจและจะได้ปลดยอออกให้ จึงพบว่าวัตถุที่ติดยออยู่นั้นเป็นพระพุทธรูปสมัยเก่า แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่สามารถนำพระพุทธรูปขึ้นจากบึงได้ทั้งที่พระพุทธรูป องค์ไม่ใหญ่นัก จนต้องทำบุญอธิษฐานจิตว่า " จะเทิดทูลยิ่งชีวิต " จึงอัญเชิญขึ้นมาได้ ปัจจุบันหลวงพ่อบึงสามพันประดิษฐานที่วัดบ้านโภชน์อำเภอหนองไผ่ จังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่ง และมีประวัติการปล้นพระพุทธรูปหลวงพ่อบึงสามพันขึ้นครั้งหนึ่งเมื่อปีพุทธ ศักราช 2504 พวกโจรได้บุกเข้ามาโจรกรรมหลวงพ่อบึงสามพัน หลวงพ่อคงเจ้าอาวาสวัดบ้านโภชน์ในขณะนั้นเข้าขัดขวางจึงถูกพวกโจรทุบด้วย ฆ้อน จนหลวงพ่อคงสลบไป พวกโจรคิดว่าหลวงพ่อคงตายแล้ว จึงหันกลับมาที่พระพุทธรูปหลวงพ่อบึงสามพันพากันอุ้มพระพุทธรูปหลวงพ่อบึง สามพันออกจากพระอุโบสถ แต่พวกโจรไม่สามารถอุ้มหลวงพ่อบึงสามพันออกจากอุโบสถได้เพราะหลวงพ่อบึงสาม พันได้แสดงปาฎิหารย์ให้องค์ใหญ่กว่าประตูพระอุโบสถ(หลวงพ่อบึงสามพันเป็นพระ พุทธรูปปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง 19 นิ้ว สูง 31 นิ้ว) ต่อมาพวกโจรที่ปล้นวัดบ้านโภชน์ครั้งนั้น ก็เกิดฆ่าฟันกันเองจนตายหมด และเมื่อถึงช่วงเวลาระหว่างเดือนเมษายน - เดือนพฤษภาคมของทุกปีราษฎรบ้านโภชน์จะต้องนำองค์หลวงพ่อบึงสามพัน ออกมาให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา และทำการสรงน้ำกัน โดยมีความเชื่อกันว่าถ้าได้นำหลวงพ่อบึงสามพันแห่และทำพิธีสรงน้ำกันจะทำให้ ฝนตกต้องตามฤดูกาล
การจัดตั้งเป็นอำเภอ เมื่อ ปีพุทธศักราช 2509 ตำบลซับสมอทอด ได้แยกออกจากตำบลบ้านโภชน์ อำเภอหนองไผ่ เมื่อถึงปีพุทธศักราช 2518 ได้รับการยกฐานะเป็นกิ่งอำเภอบางส่วนเห็นควรใช้ชื่อกิ่งอำเภอซับสมอทอดตาม ชื่อตำบลเดิม แต่ในที่สุดที่ประชุมเห็นด้วยกับการใช้ชื่อว่า " กิ่งอำเภอบึงสามพัน " โดยให้เหตุผลว่าในพื้นที่มีบึงสามพันซึ่งเป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่ มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจและน่าจะเป็นเอกลักษณ์เป็นที่รู้จักของคนทั่ว ไปจนจำได้ง่าย เมื่อกล่าวถึงชื่อกิ่งอำเภอก็จะทำให้นึกถึงบึงสามพันได้ทันที
ที่ตั้งและอาณาเขต อำเภอบึงสามพันตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจังหวัด มีอาณาเขตติดต่อกับอำเภอข้างเคียง ดังนี้
ทิศเหนือ ติดต่อกับ อำเภอชนแดนและอำเภอหนองไผ่
ทิศตะวันออก ติดต่อกับ อำเภอภักดีชุมพล (จังหวัดชัยภูมิ)
ทิศใต้ ติดต่อกับ อำเภอวิเชียรบุรี
ทิศตะวันตก ติดต่อกับ อำเภอไพศาลีและอำเภอหนองบัว (จังหวัดนครสวรรค์)
การปกครองส่วนภูมิภาค อำเภอบึงสามพันแบ่งเขตการปกครองย่อยออกเป็น 9 ตำบล 123 หมู่บ้าน ได้แก่
1. ซับสมอทอด (Sap Samo Thot) | 6. พญาวัง (Phaya Wang) |
2. ซับไม้แดง (Sap Mai Daeng) | 7. ศรีมงคล (Si Mongkhon) |
3. หนองแจง (Nong Chaeng) | 8. สระแก้ว (Sa Kaeo) |
4. กันจุ (Kan Chu) | 9. บึงสามพัน (Bueng Sam Phan) |
5. วังพิกุล (Wang Phikun) |
การปกครองส่วนท้องถิ่น ท้องที่อำเภอบึงสามพันประกอบด้วยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น 10 แห่ง ได้แก่
เทศบาลตำบลซับสมอทอด ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนของตำบลซับสมอทอดและตำบลบึงสามพัน
องค์การบริหารส่วนตำบลซับสมอทอด ครอบคลุมพื้นที่ตำบลซับสมอทอด (นอกเขตเทศบาลตำบลซับสมอทอด)
องค์การบริหารส่วนตำบลซับไม้แดง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลซับไม้แดงทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลกันจุ ครอบคลุมพื้นที่ตำบลกันจุทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลวังพิกุล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลวังพิกุลทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลพญาวัง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลพญาวังทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลศรีมงคล ครอบคลุมพื้นที่ตำบลศรีมงคลทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลสระแก้ว ครอบคลุมพื้นที่ตำบลสระแก้วทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลหนองแจง ครอบคลุมพื้นที่ตำบลหนองแจงทั้งตำบล
องค์การบริหารส่วนตำบลบึงสามพัน ครอบคลุมพื้นที่ตำบลบึงสามพัน (นอกเขตเทศบาลตำบลซับสมอทอด)